ศัลยกรรมเจ้าหญิงนิทรา นอนเป็นผัก 4 ปี คลินิกยังไม่เยียวยาสักบาท
ศัลยกรรมเจ้าหญิงนิทรา คลินิกศัลยกรรมทำพลาด สาวสมองพิการตลอดชีวิต นอนเป็นผัก 4 ปี ศาลสั่งเยียวยา 29 ล้าน แต่ยังไม่ได้สักบาท
วันนี้ (29 ก.พ.2567) เวลา 10.00 น. นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พาพี่ชายของผู้เสียหายมาสอบถามความคืบหน้าของคดีที่ สน.สุทธิสาร เนื่องจากเมื่อปี 2562 น้องสาวถูกคลินิกศัลยกรรมย่านห้วยขวางรักษาผิดพลาด ทำให้น้องสาว กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา นอนโรงพยาบาลเกือบ 5 ปี จนปัจจุบันยังไม่ได้รับการเยียวยา และครอบครัวต้องแบกหนี้ค่ารักษาประมาณ 10 ล้านบาท
นายกัณฐัศว์ หรือ กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า พี่ชายของผู้เสียหายประสานขอความช่วยเหลือมาทางตนขอให้ช่วยน้องสาว หลังทำศัลยกรรมและเกิดอาการช็อคคาเตียงที่คลินิก จากนั้นก็มีการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบ 5 ปี ทางครอบครัวพยายามต่อสู้หาความเป็นธรรมมาโดยตลอด เคยไปฟ้องแพ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ทางคลินิกเยียวยาเป็นเงิน 37 ล้านบาท หลังจากนั้นมีการยื่นอุทธรณ์ทั้ง 2 ฝ่าย ศาลตัดสินให้ทางคลินิกเยียวยาเป็นเงิน 29 ล้านบาท แต่ทางคลินิกไม่ยอมจ่ายค่าเยียวยาดังกล่าว
และในตอนนี้เอง ทางโรงพยาบาลที่น้องสาวรักษาตัวอยู่ได้มีการฟ้องเรียกค่ารักษากว่า 30 ล้านบาท เพราะครอบครัวไม่มีเงินจ่าย ครอบครัวลำบากมาก คลินิกไม่มาดูดำดูดี และทางคลินิกก็มีการเปลี่ยนชื่อคลินิก เปลี่ยนชื่อหมอ แต่กลับมาเปิดให้บริการเหมือนเดิม ซึ่งวันนี้ก็ได้พาพี่ชายมาตามคดีอาญาที่ สน.สุทธิสาร เพราะคดีอยู่ สน.นี้มา 4 ปีกว่า ซึ่งได้ประสานกับ พ.ต.อ.พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผกก.สน.สุทธิสารแล้ว และยื่นข้อมูลทุกอย่างให้แล้ว เพราะท่านเพิ่งมาใหม่ และในวันที่ 5 มีนาคม 2567 นี้ จะมีการเรียกคู่กรณีมาพูดคุย อีกทั้งตนยังได้ประสานไปยังนายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายประเทืองวิทย์ ดีใจ ผู้อำนวยการเขตดินแดง และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข มาช่วยดูแลในเรื่องนี้ด้วย
พี่ชายของผู้เสียหาย เล่าว่า ตอนส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าน้องสมองขาดออกซิเจน สมองไม่ตอบสนองและไม่สามารถรับรู้อะไรได้ ต้องนอนติดเตียงตลอดชีวิต เจาะคอให้อาหารทางสายยาง ต้องให้หมอทำกายภาพตลอด โดยตอนแรกเองคลินิกบอกจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลให้ พักหลังบอกว่าอยากให้น้องสาวใช้สิทธิรักษาฟรี 30 บาท ซึ่งตนมองว่าไม่ควร และมองว่าคลินิกไม่รักษาเป็นรูปธรรมเลยมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น โดยศาลบอกว่าให้น้องสาวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนี้ แต่ทางโรงพยาบาลอยากให้เอาออก
ทางคลินิกเองตั้งแต่ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ชดใช้ 29 ล้านบาท ก็ไม่มาดูแล และไม่ออกค่ารักษาแม้แต่บาทเดียว ซึ่งค่ารักษาน้องตกเดือนละ 3-4 แสนบาท ตอนนี้ไม่มีเงินจ่ายโรงพยาบาลก็ฟ้องเป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท ตนสงสารน้อง ตอนนั้นอายุ 22 ปี และต้องนอนติดเตียงจากการรักษาผิดพลาด คำขอโทษสักคำก็ไม่มี เพราะทางคลินิกมองว่าไม่ผิด
โดยพี่ชายของผู้เสียหาย ยอมรับว่า รู้สึกเป็นกังวลมากเพราะจํานวนเงินที่โรงพยาบาลฟ้องร่วม 30 ล้านบาทนั้น ยังมากกว่าเงินที่ศาลเพ่งตัดสินจํานวน 29 ล้านบาท ซึ่งยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมายต่อเดือนประมาณ 3-4 แสนบาท ทั้งนี้ยืนยันว่าน้องสาวไม่ได้กินอาหารก่อนทําการศัลยกรรมตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ โดยผลตรวจร่างกายยืนยันได้ว่าไม่มีการกินอาหารก่อนผ่าตัดอย่างแน่นอน ซึ่งแพทย์ระบุว่าเคสของน้องตนเองนั้น มีการให้ยาสลบเกินขนาดประกอบกับผลของแพทยสภาออกมาว่า การดูแลผู้ป่วยที่ยังไม่ฟื้นจากยาสลบไม่ได้มาตรฐาน
ด้านนายกองตรีธนกฤต กล่าวว่า แพทยสภามีคำสั่งให้หมอหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว ส่วนคลินิกถูกสั่งปิด 3 เดือน แต่ทราบว่ายังมีการฟ้องไปยังศาลปกครองอยู่ ทั้งนี้ขณะที่ผู้เสียหายมีอาการชักเกร็ง ส่งตัวไปที่ รพ. พบว่า สมองพิการตลอดชีวิต หมายความว่าผู้เสียหายไม่สามารถรับรู้หรือเข้าใจได้เหมือนคนปกติทั่วไปแล้ว ศาลมีคำสั่งเป็นบุคคลไร้ความสามารถ โดยมีพี่ชายเป็นผู้อนุบาล เมื่อการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล จึงต้องเป็นพี่ชายที่รับผิดชอบ
นอกจากนี้กรมสนับสนุนสุขภาพกระทรวงสาธารณสุขที่มีหน้าที่ดูแลคลินิกต่างๆ จะเข้าตรวจสอบคลินิกดังกล่าวว่ามีการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนที่อยู่ โดยได้รับอนุญาตหรือปฏิบัติตามระเบียบของการเปิดสถานพยาบาลคลินิกถูกต้องหรือไม่ในขณะที่มีการพักการใช้ใบอนุญาต หากเปิดรักษาต่ออาจจะถูกดำเนินคดี รวมถึงตรวจสอบว่ากรณีของน้องผู้เสียหายเป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก อย่างน้อยต้องมีวิสัญญีแพทย์ คอยดูแล จนกว่าน้องจะรู้สึกตัว